และต่อไปคือสิ่งที่ผมเห็นจากการนั่งติดขอบสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
1. บรรยากาศในค่ำคืนยุโรปสุดยอดมาก กองเชียร์ทีมเยือนเสียงดังมาก แถมร้องกันไม่หยุด ขณะที่ เรด อาร์มี่ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า มีทั้งป้ายผ้า และพลุควันคละคลุ้ง
แรชฟอร์ด ไม่เอาวิลล่า! หวังซบบาร์ซ่าทีมในฝัน ใช้เอเจนต์ดังช่วยเจรจา
เป็นไปได้! เอร์เรร่า เชื่อ แอธ บิลเบา มีหวังพลิกล้ม แมนยู
แมนยู พบ บิลเบา: เกร็ดก่อนเกมยูโรปา ลีก นัดสอง ลุ้นซิวตั๋วชิง
ได้อารมณ์ และความรู้สึกยิ่งนัก
2. เรียนตามตรงว่าเห็นวิธีการเล่นของ บิลเบา แล้วผิดคาด เพราะคิดว่าพวกเขาจะมาแบบ ‘หมาจนตรอก’ ไม่มีอะไรจะเสีย ด้วยการบีบสูงพลางบดบี้เร็วแล้วบอมบ์เข้าใส่
ที่ไหนได้กลับกลายเป็นการบุกแบบกล้าๆ กลัวๆ ขณะที่เจ้าบ้านเน้นเกมรัดกุม และระมัดระวัง
ที่ผมชอบมากคือไม่มีเซ็ตบอลขึ้นเกมจากในแดน เพราะกูเสียว แต่ใช้วิธีหวดตูมเดียวยาวๆ จากหน้าประตูไปเลย
3. เวลาผ่านไป 25 นาที สกอร์ยัง 0-0 เกมรุกของทีมเยือนไม่ได้น่าหวาดหวั่นอะไร ไม่ได้ขึงเกมบุกกดดันอยู่ข้างเดียว ไอ้เราก็สบายใจ
ทันใด แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็สร้างคอนเทนต์ ด้วยการจ่ายบอลให้คู่แข่งจนนำมาซึ่งประตูนำ 1-0 ของทีมจากแคว้นบาสก์…ซะอย่างนั้น
อารมณ์นั้น จิตใจชักไม่ปกติ อาการฟุ้งซ่านเริ่มมาเยือนพลางแสยะยิ้มให้อย่างสยดสยอง
ถ้าทะลึ่งโดนอีกดอกนะ ชิบหายแน่
4.ช่วงต้นครึ่งหลัง ผู้มาเยือนเพิ่มระดับการเล่นเกมรุกให้สูงขึ้นจนกด แมนยูไนเต็ด อยู่ข้างเดียว
ยังดีที่เกมรุกของ บิลเบา ไม่ได้มีประสิทธิภาพอะไรมากมาย ขณะผมได้แต่ภาวนาให้เวลาผ่านไปเร็วๆ
กระทั่ง รูเบน อโมริม แก้เกมด้วยส่งตัวสำรองอย่าง อาหมัด ดิยัลโล่ กับ ลุค ชอว์ รวมถึง เมสัน เมาต์ ลงมา
เกมดีขึ้นทันตาเห็น ก่อนผู้เล่นหมายเลข 7 จะยิงประตูตีเสมอ
แมนยูไนเต็ด ผ่านเข้าชิงฯ แน่นอน ตั้งแต่นาทีนั้น
5.พอถูกตีเสมอเป็น 1-1 แอธเลติก คลับ ก็ยอมยกธงเรียบร้อยแบบไม่หวังพึ่งปาฏิหาริย์ใดๆ ก่อนพลพรรคปีศาจแดงจะฉวยโอกาสที่คู่แข่งถอดใจบุกขย่ม และโขยกใส่แบบไม่ยั้งหยุดจนได้มาอีกถึง 3 ดอก
แมนยูไนเต็ด ในถ้วยเล็กยุโรปแตกต่างจากในพรีเมียร์ลีกอย่างสิ้นเชิง
ถึงตอนนี้ลงเล่นไปแล้ว 14 นัด กระหน่ำไปทั้งหมด 35 ดอก – คิดเอา 55555
,