“หงส์แดง” มีคิวต้องไปเยือน เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ จากนั้นก็ต้อนรับการมาเยือนของ อาร์เซน่อล ตามด้วยการบุกไปถิ่นไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และตบท้ายเปิดรังแอนฟิลด์ ปะทะ คริสตัล พาเลซ พร้อมรับโทรฟี่แชมป์อย่างเป็นทางการ
สำหรับเฮดโค้ช อาร์เน่อ สล็อต และลูกทีมของเขา ยังคงมีเป้าหมายจริงจังที่อยากจะทำให้ได้เพื่อให้การจบฤดูกาล 2024/2025 มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการเตรียมทีมสำหรับซีซั่นใหม่สำหรับการป้องกันแชมป์ด้วย
ไม่อยากเป็นนางเอก! อาร์เตต้า รับเจ็บปวด ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีก
มาเรสก้า ยืนยันเชลซีตั้งแถวเกียรติยศรับลิเวอร์พูล เกมดวลแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 พ.ค. นี้
คล็อปป์ส่งข้อความซึ้ง! ร่วมยินดี ‘อาร์เน่อ’ พา ลิเวอร์พูล ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก
ดังนั้น 5 เป้าหมายสำคัญที่ ลิเวอร์พูล ต้องพยายามทำให้ได้ เพื่อให้การจบฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยความทรงจำที่งดงาม
1. พยายามเก็บแต้มให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โค้ชอาร์เน่อ คงมีการพูดกระตุ้นลูกทีมของเขาให้เล่นอย่างเต็มที่เพื่อจะได้โกยแต้มให้มากที่สุด เพราะนั่นจะเป็นการตอกย้ำว่า “หงส์แดง” เป็นสโมสรที่มีความคงเส้นคงวา และไม่มีปล่อยจอยแม้จะคว้าแชมป์ไปแล้วก็ตาม
ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล เก็บไปแล้ว 82 คะแนน จากการลงสนาม 34 เกม ซึ่งเท่ากับคะแนนที่พวกเขาเก็บได้หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา (จบอันดับ 3) ดังนั้นในเกมที่เหลืออยู่ นายใหญ่ชาวดัตช์ มีโอกาสที่จะนำทีมเก็บแต้มแซงหน้า “เดอะ เร้ดส์” ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งคุมทีมเป็นซีซั่นสุดท้าย
ตามหลักคณิตศาสตร์ ลิเวอร์พูล มีโอกาสที่จะเก็บแต้มเกิน 90 คะแนน (ถ้าชนะ 4 เกมรวดจะเก็บได้ 94 แต้ม) ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 4 จาก 7 ซีซั่น (97 แต้ม ฤดูกาล 2018/2019, 99 แต้มฤดูกาล 2019/2020 และ 92 แต้ม ฤดูกาล 2021/2022)
หาก อาร์เน่อ แอนด์ โค. ทำได้ มันถือเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความคงเส้นคงวาที่น่าทึ่งมากๆ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากสิ่งที่ อาร์เซน่อล พยายามจะทำให้ได้แม้ยังไม่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา
2. ช่วยหนุน “คิงโม” สร้างสถิติเพิ่ม
ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความยอดเยี่ยมของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยนักเตะมีส่วนร่วมกับการทำประตูเยอะมาก และตอนนี้กลายเป็นนักเตะต่างชาติที่ยิงประตูมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเรียบร้อยแล้ว
สำหรับสถิติที่ “บังโม” ทำสำเร็จแล้วก็คือการมีส่วนเกี่ยวข้องกับประตูมากที่สุด (ยิงประตู+แอสซิสต์) ต่อซีซั่นในยุคที่พรีเมียร์ลีกลงเล่น 38 เกม ด้วยจำนวน 46 ประตู (ยิง 28 แอสซิสต์ 18) แต่ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นเจ้าของสถิติตลอดกาลนับตั้งแต่ที่ลีกสูงสุดเปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชั่น 1 เป็น พรีเมียร์ลีก
สถิติตลอดกาลเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกับประตูต่อฤดูกาลอยู่ที่ 47 ลูก โดยเป็นของ อลัน เชียเรอร์ ฤดูกาล 1994/1995 (แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส) และ แอนดี้ โคล ฤดูกาล 1993/1994 (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด) โดยพรีเมียร์ลีกลงแข่ง 42 นัดต่อฤดูกาล
ฉะนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่แฟนบอลหงส์แดงจะได้เห็น ซาลาห์ ลงสนามทั้งตัวจริง และสำรอง เพราะหากเขามีส่วนกับการทำประตูอีกแค่ 2 ลูกจากจำนวนเกมที่เหลืออยู่นั่นจะทำให้ “คิงโม” ทำลายสถิติดังกล่าวทันที
3. ยิงประตูเกมเยือนทุกแมตช์
หนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจมากสำหรับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำได้มาก่อน แต่ทีมของกุนซืออาร์เน่อ สล็อต มีโอกาสที่จะทำได้ นั่นก็คือการยิงประตูได้ทุกแมตช์ที่ออกไปเล่นเป็นทีมเยือน
ถ้าหาก “เดอะ เร้ดส์” สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายในเกมเยือน เชลซี และ ไบรท์ตัน พวกเขาจะจบฤดูกาลด้วยการยิงประตูในการเล่นนอกบ้านได้ทุกแมตช์เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรทันที
แน่นอนว่านี่คือแรงกระตุ้นที่น่าสนใจมากๆ เพราะมันจะเป็นการสร้างสถิติที่ดีเยี่ยมสำหรับโค้ชอาร์เน่อ นอกเหนือจากการคุมทีมครั้งแรกและได้แชมป์ นี่แหละคือสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ต้องการเพื่อทำให้การเถลิงบัลลังก์แชมป์เพอร์เฟกต์
4. ส่ง แบรดลี่ย์ ลงเล่นเก็บประสบการณ์
แม้ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่เป็นทางการ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะอำลาถิ่นแอนฟิลด์ ดังนั้น โค้ชอาร์เน่อ คงจะต้องตามแผนล่วงหน้าหากทีมต้องขาดแบ็กขวาเท้าชั่งทองในช่วงซัมเมอร์นี้
ตอนนี้ตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดก็คือ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ เพราะนักเตะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพร้อมเป็นออปชั่นแรกให้กับทีม แม้สไตล์การเล่นจะแตกต่างจาก “รองเทรนต์” แต่การวิ่งแบบทะลุทะลวงอาจจะเหมาะกับแท็กติกของกุนซือหัวใส
แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีข่าวลือตลอดเรื่องการซื้อแบ็กขวาใหม่ก็ตาม แต่ถ้า อาร์เน่อ เลือก แบรดลี่ย์ เป็นเบอร์ 1 ในตำแหน่งนี้ก็ควรให้นักเตะลงสนามตลอดทั้ง 4 แมตช์ที่เหลืออยู่ เพื่อให้เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์แบบเต็มที่ รวมทั้งได้พัฒนาศักยภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
อย่างไรก็ตาม แบรดลี่ย์ ซึ่งพลาดลงเล่นเกมชนะ สเปอร์ส เนื่องจากบาดเจ็บ ยังไม่ได้ลงซ้อมกับทีมเมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา ฉะนั้นถ้าหากนักเตะฟิตสมบูรณ์ก็คือเป็นโอกาสดีที่จะให้เขาได้ลงเล่น แต่ถ้าไม่พร้อมก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยง
5. ยิงประตูให้ได้มากกว่าทีมแชมป์ยุคคล็อปป์
สาวก “เดอะ ค็อป” ทุกคนทราบดีว่าช่วงท้ายของซีซั่นในการคว้าแชมป์ของ ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2019/2020 ต้องพบกับความยากลำบากจากการแพร่ระบายของเชื้อไวรัสโควิด 19 และนั่นส่งผลกระทบกับตัวเลขต่างๆ ที่ “หงส์แดง” ทำได้ลดลงเมื่อพวกเขากลับมาลงแข่งในสนามว่างเปล่า
คล็อปป์ นำสโมสรคว้าแชมป์พร้อมกับสถิติยิงประตูได้จำนวน 85 ลูกจากการเล่น 38 แมตช์ ขณะที่ อาร์เน่อ ทำได้ 80 ประตูจากการเล่น 34 เกม ดังนั้นอีก 4 แมตช์มีโอกาสสูงมากๆ ที่พวกเขาจะทำตัวเลขแซงหน้า
ขณะที่เกมรับ นายใหญ่ชาวเยอรมัน เสียไป 33 ประตูในฤดูกาลนั้นรวมทั้ง 12 ประตูจาก 9 เกมที่ต้องเล่นแบบไร้กองเชียร์ สำหรับ โค้ชชาวดัตช์ ปัจจุบันเสียไป 32 ลูก ฉะนั้นทีมทั้งสองยุคจาก 2 กุนซือถือว่ามีเกมรับที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน
TOMMY TEE
,