1. คู่พี่น้อง วิลเลี่ยมส์ นำทัพ บิลเบา
แอธเลติก บิลเบา ภายใต้การคุมทีมของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ จัดทัพแบบเต็มสูบต้อนรับการมาเยือนของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยมีสองพี่น้องคู่ขวัญ อินยากี้ กับ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ออกสตาร์ต
บิลเบา พบ แมนยู : บรูโน่ เฉียบ,เล่นดีหลายคน! ตัดเกรดแข้งผีเกมบุกอัดทีมแกร่งสเปน
แอธเลติก บิลเบา พบ แมนยู! อโมริม เสียดายผีชวดเม็ดสี่-ชี้เกมหน้าอาจพังคารังสามเม็ดได้
แถวเกียรติยศ, วันชูโทรฟี่! 5 สิ่งที่คาดหวังจาก 4 เกมสุดท้ายของลิเวอร์พูล
อย่างไรก็ดี เจ้าบ้านปราศจาก ออยอัน ซานเซ็ต ดาวซัลโวสูงสุดของทีมเนื่องจากบาดเจ็บ ขณะที่ ออสการ์ เด มาร์กอส กัปตันทีมกองหลังคนสำคัญทำสถิติลงเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปกับ บิลเบา มากที่สุดเป็นนัดที่ 76 แทนที่ มาร์เกล ซูซาเอต้า อดีตปีกตัวกลั่นที่ลงสนามไปทั้งสิ้น 75 นัดก่อนรีไทร์
2. ผีได้ อาหมัด-เดอ ลิกต์ นั่งสำรอง
รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ใส่ชื่อ อาหมัด ดิยัลโล่ กับ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ สองคีย์แมนที่หายเจ็บนั่งเป็นตัวสำรองในเกมนี้อย่างที่เขาแถลงข่าวหลังทั้งสองกลับมาลงซ้อมกับทีมแบบเต็มสูบได้หมาดๆ
ในรายของสตาร์ทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ไม่ได้ลงเล่นให้ ผีแดง นับตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.ขณะที่กองหลังทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเจ็บข้อเท้าเช่นกันหายหน้าไปจากทีมร่วมเดือน
เทียบไลน์อัพจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดบุกไปไล่ตีเสมอ บอร์นมัธ แบบเฉียดฉิว 1-1 นายใหญ่โปรตุกีสเลือกส่ง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ลงเล่นแทน ลุค ชอว์ ขณะที่ มานูเอล อูการ์เต้ เบียด ค็อบบี้ เมนู ลงไปรับบทตัวสำรองเช่นกันอันเป็นการปรับโผสองตำแหน่ง
3. ประตูเปลี่ยนอนาคต?
แม้จะเริ่มเกมได้ดีโดย อเลฮานโดร การ์นาโช่ ส่งบอลตุงตาข่ายตั้งแต่นาทีที่ 5 แต่เป็นลูกออฟไซด์ ทว่านับจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ร่อแร่ที่จะเสียประตูหลายจังหวะทั้ง อ็องเดร โอนาน่า ต้องปัดลูกยิงจากแถวสองของ อเล็กซ์ เบเรนเกร์ ก่อนที่ ลินเดอเลิฟ จะเคลียร์ลูกยิงของกองหน้าเจ้าบ้านหน้าปากประตูช่วยให้ ผีแดง รอดพ้นจากการโดนนำอย่างไม่น่าเชื่อ
และแล้วทั้งๆที่รูปเกมเป็นรองโดยต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างหัวหมุน แต่จุดเปลี่ยนของเกมอุบัติขึ้นในนาทีที่ 30 เมื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โชว์ลีลาเติมขึ้นทางขวาแล้วหลอกล่อตัวประกบหลายสเต็ปก่อนโยนบอลจากเส้นหลังให้ อูการ์เต้ โขกต่อไปเสาสองโดยมี กาเซมีโร่ โหม่งตุงตาข่ายพลิกสถานการณ์ให้ทีมเยือนนำไปก่อน
แน่นอนว่าสกอร์ตามหลัง 1-0 ของ บิลเบา ยังพอทำเนา แต่ถึงนาทีที่ 37 ท่านเปามอบลูกโทษให้ทีมเยือนเนื่องจาก ดานี่ บีเบียน ดึง ราสมุส ฮอยลุนด์ ล้มในเขตโทษ แต่ที่โหดกว่านั้นคือกองหลังเจ้าบ้านได้ใบแดงโดนไล่ออกจากสนามด้วยจึงทำให้พวกเขาตกเป็นรองสุดกู่เนื่องจากเหลือนักเตะสิบคนโดย บรูโน่ แฟร์นันด์ส สังหารไม่พลาดพา เร้ด เดวิลส์ นำห่าง 2-0
และในที่สุดนาทีที่ 45 บิลเบา ก็หงายท้องอีกเมื่อ อูการ์เต้ สะกิดบอลด้วยส้นเท้าให้กัปตัน ผีแดง หลุดไปซัดตุงตาข่ายพาทีมเยือนนำห่าง 3-0 ก่อนจบครึ่งแรกซึ่งเหมือนเป็นการการันตีชัยชนะในเกมนี้ของอาคันตุกะเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าลูกโขกของ กาเซมีโร่ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ ผีแดง เนื่องจากพวกเขาชิงนำหน้าได้ทั้งๆที่สถานการณ์ไม่สู้ดี และไม่แน่ว่าประตูนี้อาจทำให้ดาวเตะแซมบ้าได้ค้าแข้งกับทีมต่อในซีซั่นหน้าแม้เขาจะถูกสื่อลือว่ามีสิทธิ์โดนโละทิ้งสูงเนื่องจากระยะหลังอดีตสตาร์ทีม เรอัล มาดริด มีบทบาทสำคัญต่อทีมกระทั่ง อโมริม ส่งเขาลงเล่นอย่างต่อเนื่องชนิดที่ ค็อบบี้ เมนู ต้องตกเป็นตัวสำรอง แถมดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ น่าจะยึดตำแหน่งตัวจริงลำบากด้วยเนื่องจากเกมนี้ อูการ์เต้ ดาวเตะในแดนกลางอีกรายสร้างความดีความชอบจัดสองแอสซิสต์
นอกจากประตูของ กาเซมีโร่ ที่เป็นสารตั้งต้นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้แล้ว แม็กไกวร์ เป็นอีกรายที่กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างเข้าตากรรมการหลังส่อเค้าหมดอนาคตในยุคของ เอริค เทน ฮาก เนื่องจากสถิติในครึ่งแรกชี้ว่าเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ อังกฤษ ผ่านบอลได้อย่างแม่นยำสูงถึง 94.3% เลยทีเดียว
4. แฟร์นันด์ส ขึ้นที่สามร่วมดาวยิงยูโรปาลีก
หลังจาก กาเซมีโร่ ซึ่งมีลูกกลางอากาศเป็นทีเด็ดโขกพา แมนฯ ยูไนเต็ด นำหน้า แฟร์นันด์ส กลับมาระเบิดฟอร์มได้อีกครั้งในเกมนี้จากการซัดเพิ่มอีกสองเม็ดพาทีมนำหน้า 3-0 ใน 45 นาทีแรก
จากผลงานดังกล่าวทำให้สตาร์ทีมชาติ โปรตุเกส มีส่วนกับประตูในเกม ยูโรปา ลีก ซีซั่นนี้เพิ่มเป็น 10 เม็ดแล้ว (ยิง 7 แอสซิสต์ 3)
ขณะเดียวกัน จอมทัพชาวเมืองฝอยทองขยับขึ้นสู่ทำเนียบดาวซัลโวสูงสุดอันดับสามร่วมของถ้วยใบนี้ด้วยจากจำนวน 27 ประตู
34 ประตู: ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมย็อง (ดอร์ทมุนด์ , อาร์เซน่อล ,บาร์ซ่า ,มาร์กเซย์)
30 ประตู :ราดาเมล ฟัลเกา (ปอร์โต้ , แอตเลติโก มาดริด)
27 ประตู : โรเมลู ลูกากู (อันเดอร์เลชท์ , เอฟเวอร์ตัน , อินเตอร์ , โรม่า)
27 ประตู : บรูโน่ แฟร์นันด์ส (สปอร์ติ้ง ลิสบอน ,แมนฯ ยูไนเต็ด)
5. อโมริม บุกพิชิต บิลเบา รายแรก
ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อยที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เช็กบิลเพิ่มไม่ได้ในครึ่งหลังทั้งๆที่่น่าจะหาช่องทางทำประตูที่สี่หรือห้าในเมื่อ บิลเบา เหลือนักเตะแค่สิบคน และแทบไม่มีลุ้นตีไข่แตกเลย
จากรูปเกม นักเตะของ อโมริม เน้นคุมจังหวะเกมเป็นหลักมากกว่าพยายามเดินหน้าแบบเต็มกำลัง และแม้จะมีโอกาสสอยตาข่ายเพิ่มก็จริง แต่ก็อดเสียดายแทนสาวก เร้ด อาร์มี่ ไม่ได้เนื่องจากโอกาสเปิดกว้างให้พวกเขาทุบ บิลเบา ให้แหลกเป็นผุยผง
อย่างไรก็ดี แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งยังแพ้ไม่เป็นในรายการนี้สร้างชื่อบุกมาเอาชนะทีมแกร่งจากแคว้นบาสก์ได้เป็นทีมแรกในรายการนี้หลังจากหกเกมที่ผ่านมา บัลเบร์เด้ พาทีมกำชัยต่อหน้าแฟนบอลตัวเองได้เรียบวุธ
ฉะนั้นแล้ว หากไม่ออกทะเลไปสู่มหาสมุทรกันเองในเกมหน้าที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่น่าพลาดการทะยานเข้าชิงชนะเลิศถ้วยใบนี้อย่างที่ อโมริม เน้นโฟกัสเต็มที่เพื่อซิวโทรฟี่แลกกับโควต้าลงเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นได้จริงมันก็พอจะลบล้างความผิดหวังของแฟน ปีศาจแดง ที่ต้องทนเห็นทีมรักสร้างผลงานได้อย่างน่าอดสูในศึก พรีเมียร์ลีก มาโดยตลอด
,