1. ผีใช้ชุดเดิมหลอนคู่แข่งซ้ำสอง
แมนฯ ยูไนเต็ด ของกุนซือ รูเบน อโมริม วางโผนักเตะ 11 คนแรกลงเล่นตามความคาดหมายโดยทั้งหมดเป็นทีมชุดเดิมที่บุกไปถล่ม แอธเลติก บิลเบา ในเกมแรก 3-0
แมนยู พบ บิลเบา: เมาท์, ดิยัลโล่ ทีเด็ด! ผีดุหลอนคู่แข่งทะลุชิง สเปอร์ส ศึกยูโรปา ลีก
ผลบอล เชลซี 1-0 เยอร์การ์เด้น : สิงห์บลูส์ รวมผลอัดยับลิ่วชิงคอนเฟอเรนซ์ลีก
ผลบอล แมนยู 4-1 บิลเบา : เมาท์เบิ้ล! ผีรัวแซงรวมเฮ 7-1 ลิ่วชิงยูโรปา ลีก
กุนซือโปรตุเกสซึ่งพักนักเตะตัวหลักหลายรายในเกม พรีเมียร์ลีก นัดออกไปแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 4-3 หวนกลับมาใช้งานคีย์แมนลงเล่นเป็นตัวจริงทั้ง กาเซมีโร่ , แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ กัปตันทีม บรูโน่ แฟร์นันด์ส
เทียบจากนัดโดน ผึ้งพิฆาต ต่อย ขุนพล ผีแดง ที่ยังได้ออกสตาร์ตเกมนี้ต่อมีทั้งหมดสามรายคือ อเลฮานโดร การ์นาโช่ , มานูเอล อูการ์เต้ และ แพทริค ดอร์กู โดยในรายของปีกทีมชาติ อาร์เจนติน่า ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 14 นัดติดต่อกัน
2. บิลเบา อ้วกแตกไร้4ตัวหลักพลิกนรก
แอธเลติก บิลเบา ภายใต้การคุมทีมของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ประสบกับปัญหาน่าหนักใจเมื่อมีอันต้องขาดสี่นักเตะที่บาดเจ็บ และติดโทษแบนเดินทางมากับทีม
นอกจาก ออยฮาน ซานเซ็ต ดาวซัลโวสูงที่สุดที่พลาดเกมแรกจะยังร้างสนามแล้ว คู่พี่น้อง อินยากี้ และ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ บาดเจ็บเพิ่มพร้อมกัน ขณะที่ ดานี่ บีเบียน ที่โดนไล่ออกนัดก่อนติดโทษแบน
จากปัญหาดังกล่าว ทีมจาก ลา ลีกา จึงต้องปรับทัพขนานใหญ่รวมสี่ตำแหน่งโดยส่ง อันโดนี่ โกโรซาเบล , อูไน นูนเญซ , อัลบาโร่ ยาโล่ และ อูไน โกเมซ ลงบู๊
ด้วยเหตุนี้ ทีมเยือนจึงน่าจะหมดพิษสงในการคลำเป้าไปเยอะเนื่องจาก ซานเซ็ต มีผลงานตะบันได้ 17 ประตูในซีซั่นนี้ ขณะที่สองพี่น้องสอยตาข่ายได้ 11 เม็ดเท่ากัน ส่วนดาวยิงสูงสุดของทีมอันดับต่อมาได้แก่ กอร์ก้า กูรูเซต้า ที่กดได้ 7 ประตู แต่ยิงได้ประตูเดียวนับตั้งแต่ปี 2025 และถูกจับนั่งเป็นสำรองในเกมนี้
3.แม็กไกวร์ คนดี คนเดิม
ด้วยสกอร์นำห่าง 3-0 จากเกมแรก แผนของ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงเป็นที่คาดเดาได้ไม่ยากจากการเน้นเล่นดึงเกมช้าเน้นประคองสถานการณ์โดยปล่อยให้ บิลเบา โจมตีขึ้นมาแล้วหาโอกาสเหมาะเจาะโต้กลับฉับพลัน
แต่เป็นเพราะทีมเยือนมีสภาพทีมไม่สมประกอบ ผีแดง จึงไม่ถึงกับหนักอก และผ่านครึ่งชั่วโมงแรกของเกมซึ่งเป็นไปอย่างจืดชืดต่างก็ไม่อาจส่งบอลเข้ากรอบกันได้เลยแม้แต่หนเดียว
จนในที่สุด แม็กไกวร์ เจ้าพ่อคอนเทนต์ก็กลับมาสร้างความวอดวายให้ทีมอีกจนได้ด้วยการผ่านบอลพลาดง่ายๆจนส่งผลให้ มิเกล ยาอูเรกิซาร์ สบโอกาสยิงปั่นอย่างสวยจากหน้าเขตโทษส่งบอลหลุดการพุ่งปัดของ อ็องเดร โอนาน่า เสียบตาข่ายพาทีมเยือนนำหน้า 1-0 ในนาทีที่ 31 และเป็นประตูที่สามของดาวเตะวัย 21 ปีกับทีมชุดใหญ่
จบครึ่งแรก แน่นอนว่า ผีแดง ซึ่งเน้นดึงเกมช้าเพื่อฆ่าเวลาครองบอลได้เหนือกว่าเล็กน้อย 52.20%:47.80% โดยทั้งสองทีมได้ส่องยิง 4 หนเท่ากัน แต่เป็น บิลเบา ที่ยิงเข้ากรอบหนเดียว และเป็นประตูขึ้นนำที่ทำให้เกมในครึ่งหลังยังมีความน่าสนใจเนื่องจากต้องรอลุ้นกันว่าเจ้าบ้านจะกดดันตัวเองเพิ่มขึ้นหรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ส่งบอลเข้ากรอบไม่ได้เลยในครึ่งแรกซึ่งเป็นครั้งแรกในเกมยุโรปของพวกเขานับตั้งแต่นัดปะทะกับ เรอัล เบติส ในรอบ 16 ทีมถ้วย ยูโรปา ลีก ปี 2023
4. เมาท์ กลับชาติมาเกิดใหม่
ว่ากันตามจริง เกมในครึ่งหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเป็นไปแบบถูลู่ถูกังเหมือนเดิม และไม่อาจส่งบอลเข้ากรอบได้เลยนานถึง 70 นาที
แต่ฉับพลันทันใด เมสัน เมาท์ ตัวสำรองโชว์ลีลากลับตัวยิงตุงตาข่ายหนแรก และพาทีมเจ้าบ้านตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 72 แถมเป็นประตูที่สองในสองนัดของกองกลางอิงลิชซะด้วย
หลังสกอร์ขยับ เกมของ ผีแดง ก็กลับมามีชีวิตชีวาสวนทางกับทีมเยือนที่ส่อหมดกำลังใจ และสุดท้ายพวกเขาก็ตาข่ายขาดเพิ่มอีกสองเม็ดจากลูกโขกของ กาเซมีโร่ และจังหวะเข้าฮอสเผาขนแบบสบายบรื๋อของ ราสมุส ฮอยลุนด์ ในนาทีที่ 80 และ 85
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงทดเวลา เมาท์ เพิ่มประตูที่สามในสองนัดให้กับตัวเองได้ด้วยการซัดบอลระยะไกลเข้าประตูหลังนายทวารทีมเยือนเตะเปิดเกมแย่ซึ่งทำให้ ผีแดง พิชิตทีมจากแคว้นบาสก์ได้อีกนัดด้วยสกอร์ 4-1 ได้เข้าชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 7-1 โดยมี สเปอร์ส ที่มีผลงานเลวร้ายใน พรีเมียร์ลีก เช่นกันเป็นคู่ชิงชัย
5.อโมริม สานผลงานไร้พ่าย
เป็นอันว่า อโมริม ทำงานได้ตามเป้าด้วยการพาทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ทะลุเข้าชิงชนะเลิศถ้วย ยูโรปา ลีก ได้เพื่อพยายามคว้าโควต้าลงเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าแม้จะยังไม่แน่ว่ากุนซือเลือดฝอยทองจะล้มเหลวในขั้นตอนสุดท้ายหรือเปล่าเนื่องจากเขาต้องพาทีมเชือด ไก่เดือยทอง ที่ ซาน มาเมส รังของทีม บิลเบา ในนัดชิงดำให้ได้ซะก่อน
อย่างไรก็ดี ก่อนจะถึงนัดสำคัญวันพุธที่ 21 พ.ค.อโมริม สร้างผลงานไร้พ่ายในเกม ยูโรปา ลีก ก่อนเข้าถึงนัดชิงเป็นผลสำเร็จ และเมื่อรวมช่วงที่เขาคุมทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ฟาดเกือกถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนย้ายมาคุมทีม ผีแดง เขาสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นในฟุตบอลยุโรปของซีซั่นนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ อโมริม เป็นกุนซือคนแรกที่พาทีมลูกหนังอังกฤษเข้าชิงถ้วยยุโรปได้ในซีซั่นแรกด้วยนับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล ทำได้กับ เชลซี ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2020/21 ขณะที่นายใหญ่อีกรายเดียวของ ผีแดง ที่เคยทำได้เช่นกันคือ โชเซ่ มูรินโญ่ กับการพาทีมเข้าชิงชนะเลิศรายการเดียวกันนี้ในซีซั่น 2016/17
สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังไร้พ่ายในรายการนี้ของซีซั่นนี้รวม 14 นัดพร้อมทั้งลอยลำเข้าชิงชนะเลิศได้ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ 7 ที่ประสบความสำเร็จในข่ายเดียวกันนี้ตามหลัง เบนฟิก้า , เชลซี , อินเตอร์ , บียาร์เรอัล, แฟร้งค์เฟิร์ต และ เลเวอร์คูเซ่น
ไม่เพียงเท่านั้น เร้ด เดวิลส์ ยังสร้างสถิติสอยตาข่ายในรายการนี้ได้รวม 35 เม็ดแล้วเหนือกว่าทุกสโมสร และเป็นสถิติที่ดีที่สุดของทีมในการเล่นถ้วยยุโรปหนึ่งซีซั่นด้วยหลังจากพวกเขามีผลงานพังประตูได้มากที่สุดในถ้วยยุโรป 34 ประตูในซีซั่น 2020/21
สำหรับการปะทะกันระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ สเปอร์ส ในเกมชิงดำถ้วย ยูโรปา ลีก ซีซั่นนี้นับเป็นครั้งที่หกแล้วที่สโมสรจากเมืองผู้ดีต้องห้ำหั่นกันเองในถ้วยยุโรป
สเปอร์ส – วูล์ฟส์ (ยูฟ่า คัพ 1972)
เชลซี – แมนฯ ยูไนเต็ด (แชมเปี้ยนส์ ลีก 2008)
อาร์เซน่อล – เชลซี (ยูโรปา ลีก 2019)
ลิเวอร์พูล – สเปอร์ส (แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019)
เชลซี – แมนฯ ซิตี้ (แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021)
,