เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เซนเตอร์แบ็กกัปตันทีมลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024/2025 ยอมรับตอนที่ได้รับบาดเจ็บหนักเมื่อปี 2020 ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของตน
ปราการหลังชาวดัตช์ วัย 33 ปี ต้องพักรักษาตัวนานเกือบปีเนื่องจากได้รับบาดเจ็บหนักที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่า (เอซีแอล) หลังโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด โกลเอฟเวอร์ตันเข้าเสียบสกัดอย่างรุนแรงในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่กูดิสัน พาร์ค เมื่อ 5 ปีก่อน
เงียบซะบ้าง! เชอริงแฮม แนะ โอนาน่า ใช้ผลงานตอบโต้มากกว่าฝีปาก
โดนเททั้งกระดาน! ย้อนดู 15 กูรูฟันธงพลาดหลัง ลิเวอร์พูล ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก
เกือบยันหว่าง! เบื้องหลังงานฉลองแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ ลิเวอร์พูล
สำหรับนักเตะส่วนใหญ่แล้วอาการบาดเจ็บดังกล่าวเปรียบเสมือนจุดต่ำสุดในอาชีพ แต่สำหรับ ฟาน ไดค์ กลายเป็นว่าเขาสามารถกลับมาแข็งแกร่ง และช่วย “หงส์แดง” ฟาดแชมป์ลีกสมัยที่ 2 ในรอบห้าปีได้อย่างยิ่งใหญ่
ฟาน ไดค์ เผยว่าอาการบาดเจ็บที่รุนแรงในครั้งนั้นทำให้ตนได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว และได้พักร่างกาย รวมทั้งได้คิดทบทวนสิ่งต่างๆ จนสามารถกลับมาเรียกความแข็งแกร่งได้อีกครั้ง “มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม แน่นอนว่ามันยากมาก โดยเฉพาะในด้านจิตใจมากกว่าเรื่องอื่นๆ”
“คุณนอนไม่หลับหลายคืน คุณต้องคอยถามตัวเองอยู่เรื่อยๆ ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป ? ผมจะกลับมาเป็นนักเตะแบบเดิมหรือเปล่า ? แต่ในเรื่องของสภาพร่างกาย ผมคิดว่าเพราะคุณเป็นนักกีฬา คุณสามารถรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้”
“มันก็แค่…เอออ ส่วนใหญ่ผมต้องทำกายภาพบำบัดโดยอยู่ห่างจากสโมสรซึ่งต้องไปที่ดูไบ ดังนั้นผมได้อยู่กับครอบครัวซึ่งเป็นเรื่องดี ตลอด 7 สัปดาห์ที่อยู่กับพวกเขา ผมไม่เคยได้ทำแบบนั้น มันเป็นช่วงเวลาครอบครัวที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งที่ฉันเคยมีมา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากบาดเจ็บหนัก แต่ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่า”
อาการบาดเจ็บดังกล่าวมีโอกาสทำลายอาชีพนักเตะของ ฟาน ไดค์ ได้เลย แต่กัปตันทีมชาวดัตช์สามารถกลับมาสู่ฟอร์มระดับโลกได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามมีบางครั้งที่เจ้าตัวเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานโดยเฉพาะระหว่างซีซั่น 2022/2023 ทำให้หลายคนมองว่ามาจากอาการบาดเจ็บในครั้งนั้น
ฟาน ไดค์ กล่าวต่อไปว่า “ทุกความผิดพลาด ในแต่ละเกม มีหลายคนมักอ้างถึงอาการบาดเจ็บในครั้งนั้น ผมรู้ว่าคุณสามารถทำหลายสิ่งได้ถูกต้องและทำพลาดแค่ครั้งเดียว โดยผู้คนจะโฟกัสไปที่เรื่องความผิดพลาดเท่านั้น”
“เรื่องนี้อาจทำให้คุณสับสนและคุณเสียความมั่นใจ คุณรู้สึกกลัวที่จะทำผิดพลาด ความมั่นใจก็เหมือนดอกไม้ เจอร์เก้น (คล็อปป์) สอนผมเรื่องนี้ มันบอบบางและสามารถโดนทำลายได้ง่าย ดังนั้นผมรู้ว่าผมต้องสื่อสารในฐานะผู้นำเวลาที่มีใครก็ตามมองมาที่ผม” ฟาน ไดค์ ร่ายยาว
,