ความมุ่งมั่นของฟุตบอลญี่ปุ่น

สารบัญ

ยุครุ่งเรืองที่สุดของฟุตบอลญี่ปุ่นเวลานั้นคือการตะลุยเข้าไปคว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกที่เม็กซิโกเมื่อปี 1968 ขณะที่ก่อนหน้านั้นยังเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศโอลิมปิก 1964 ที่โตเกียว ในมือของ เดทมาร์ คราเมอร์ ปรมาจารย์ลูกหนังชาวเยอรมัน

หากกับรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างฟุตบอลโลก ญี่ปุ่นทำได้เต็มที่ก็แค่ใกล้เคียง

อิชิอิ โพสต์ยินดี ญี่ปุ่น ตีตั๋วลุยฟุตบอลโลก 2026
ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่น
รองแชมป์เก่าเปิดหัวสวย! โอซู ระเบิดแฮตทริก พาญี่ปุ่นเฉือนอิรัก 4-3

แพ้เกาหลีใต้ในรอบคัดเลือกปี 1954 (เตะกันแค่ 2 ทีมเพราะไทเปถอนตัว ส่วน อินเดีย กับ เวียดนาม ไม่ส่งแข่ง) พังตั้งแต่เกมแรกที่โดนโสมขาวยกพลมาถลุง 5-1 ถึงกรุงโตเกียว กลับไปเตะนัดสองเสมอ 2-2 ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว

ปี 1958 กับ 1966 ไม่ส่งแข่งรอบคัดเลือก ส่วนปี 1962 ร่วงตั้งแต่รอบแรกด้วยฝีมือของเกาหลีใต้เจ้าเก่า คราวนี้แพ้ทั้งไปและกลับ (0-2 เหย้า 1-2 เยือน)

ปี 1970 จมบ๊วยด้วยการมีแค่ 2 แต้มจาก 4 เกมที่เจอ ออสเตรเลีย และ เกาหลีใต้ จบเห่ตั้งแต่ด่านแรกอีกครั้ง

ปี 1974 งานยากขึ้นเพราะชาติอาหรับเริ่มเข้ามาร่วมวงด้วย ทั้งยังเตะรวมกับชาติจากโซนโอเชียเนียเหมือนเดิมโดยที่โควต้ายังมีแค่ทีมเดียว ผลจบลงด้วยการตกรอบสองแพ้อิสราเอลในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ปี 1978 ตกรอบแรก เตะ 4 นัดมีแค่คะแนนเดียวในกลุ่มที่มี เกาหลีใต้ อิสราเอล และ เกาหลีเหนือ

ปี 1982 โควต้าโซนเอเชีย/โอเชียเนียเพิ่มเป็น 2 ทีม ผ่านรอบแรกได้แต่ก็ไปแพ้ เกาหลีเหนือ ในรอบสอง

ปี 1986 โอเชียเนียแยกตัวออกไปแล้ว โควต้า 2 ทีมเป็นของเอเชียล้วน ๆ โดยแยกเป็นฝั่งตะวันตก 1 ที่ และฝั่งตะวันออก 1 ที่ ญี่ปุ่นฝ่ารอบแรก-รอบสองเข้าไปถึงเกมชิงตั๋วแต่ก็พ่าย เกาหลีใต้ คู่ปรับตัวแสบเหมือนเดิม (แพ้ 1-2 เหย้า แพ้ 0-1 เยือน)

ปี 1990 ร่วงตั้งแต่รอบแรกในกลุ่มที่มี เกาหลีเหนือ อินโดนีเซีย และ ฮ่องกง

ปี 1994 ฝันสลายถูก อิรัก โหม่งตีเสมอช่วงทดเวลาที่โดฮา เป็นหนึ่งในเกมที่ชอกช้ำอย่างที่สุดของญี่ปุ่น แล้วก็เป็นเกาหลีใต้อีกแล้วที่ปาดหน้าคว้าตั๋วไปครอง

การรอคอยยังดำเนินต่อไป..

แต่ก็นั่นล่ะครับ หลังจากช่วงเวลาหลายสิบปีแห่งความไม่สม่ำเสมอ ญี่ปุ่นไม่เอาอีกแล้วกับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แบบนั้น ไม่อยากฝากความหวังไว้กับโชคชะตาว่าวันดีคืนดีจะมี Golden generation พาทีมไปฟุตบอลโลก 

พวกเขากำหนดชะตากรรมของตัวเองด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างฟุตบอลในประเทศจากระดับสมัครเล่นมาเป็นกึ่งอาชีพช่วงปลายทศวรรษ 1980 และต่อยอดเข้าสู่ฟุตบอลอาชีพช่วงต้นทศวรรษ 1990

เดินหน้าจริงจังด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ กำหนดทิศทางพัฒนาฟุตบอลในประเทศไปสู่เป้าหมายที่ยั่งยืน และได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานต่าง ๆ  สื่อทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น กระทั่งปัจเจกชนอย่างชาวบ้าน

วางโครงสร้างที่แข็งแรงลงไปถึงระดับรากหญ้า สร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ สร้างโค้ช สร้างนักฟุตบอล กระจายลงไปถึงระดับโรงเรียน

ฝ่ายเทคนิคของสมาคมทำงานอย่างมองเห็นภาพกว้างและยาวไกล สนับสนุนให้ครูในโรงเรียนเข้ารับการอบรมหลักสูตรลูกหนังที่มีมาตรฐาน กลายเป็นแม่พิมพ์ที่นำองค์ความรู้กลับมาถ่ายทอดสู่นักเรียนทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

การรับช่วงต่อจากภาคส่วนต่าง ๆ ราบรื่น กระทั่งเส้นทางสายฟุตบอลนักเรียนยังแยกเป็น 2 ทาง ทางหนึ่งผ่านอะคาเดมี่ของสโมสรอาชีพโดยตรง อีกทางหนึ่งผ่านการแข่งขันสำหรับนักเรียนโดยเฉพาะ เด็กเยาวชนสังกัดทีมฟุตบอลอาชีพไม่เข้ามาทับทางกัน

แต่ถนนทั้ง 2 สายมุ่งตรงไปสู่เจลีกได้ทั้งคู่

ความมุ่งมั่นของคนญี่ปุ่น ความจริงจังของพวกเขาคือคุณภาพด้านบุคลากรที่โดดเด่นระดับโลก การช่วยเหลือกัน ความเสียสละทุ่มเทของทุก ๆ ฝ่าย การมีแผนงานที่ชัดเจน ถูกต้อง และมองการณ์ไกล

ด้วยทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน และสิ่งเหล่านี้ล้วนนำมาซึ่งความพร้อมในการพัฒนาทั้งสิ้น

แล้วฟุตบอลญี่ปุ่นก็กระโจนเหมือนก้าวกระโดด หลังจากการปฏิรูปฟุตบอลสมัครเล่นมาเป็นกึ่งอาชีพและฟุตบอลอาชีพเจลีกได้เพียงไม่ถึง 10 ปี พวกเขาก็ไปฟุตบอลโลกได้สำเร็จในปี 1998

44 ปีนับจากวันที่ขอทดสอบตัวเองกับการไปลุยฟุตบอลโลก.. 6 ปีนับจากวันก่อกำเนิดขึ้นของฟุตบอลเจลีก เปลี่ยนฟุตบอลกึ่งอาชีพที่จับกับบริษัทห้างร้านมาเป็นทีมฟุตบอลประจำเมือง มีฐานแฟนบอล มีการสนับสนุนจากท้องถิ่น มีการแข่งขัน และการบริหารจัดการในแบบมืออาชีพ

แล้วญี่ปุ่นก็ไปฟุตบอลโลก

กระนั้น การเก็บเกี่ยวความสำเร็จหลังจากนั้นต่างหากครับที่เป็นความยอดเยี่ยมของพวกเขา การรักษามาตรฐานให้ไม่แย่ไปกว่าเดิมและพยายามยกระดับตัวเองตลอดเวลาคือเรื่องที่น่าทึ่ง

พวกเขาไม่พอใจกับแค่การทำความฝันได้สำเร็จ เมื่อทำได้แล้วก็มองหาความฝันชิ้นต่อไปทันที เป็นฝันที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ครั้งที่ไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้

จากโกลเด้นโกลประวัติศาสตร์ของ มาซายูกิ โอคาโนะ ที่ยะโฮร์บาห์รู, มาเลเซีย ในวันนั้นเมื่อปี 1997 พาญี่ปุ่นไปถึงฝั่งฝันคือเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 1998..

ระยะเวลาอีกเกือบ 30 ปีต่อมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาไม่เคยหยุดนิ่งหรือพอใจเมื่อทำได้ตามเป้าหมายเลย หากแต่เงยหน้ามองบันไดขั้นต่อไปทันทีอยู่เสมอ

จากเจลีก สู่การไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย สู่การส่งนักฟุตบอลไปเล่นในยุโรป สู่การที่ไม่ได้แค่ไปเล่นเฉย ๆ หรือไปเป็นตัวประกอบ แต่ไปเป็นตัวหลักของทีมต่าง ๆ แม้กระทั่งทีมใหญ่ ๆ ในลีกใหญ่ ๆ

ญี่ปุ่นมาถึงจุดที่ทุกคนยอมรับในคุณภาพแล้ว และแน่นอนครับ พวกเขาก็คงจะยังไม่พอใจแค่นี้..

ด้วยความเป็นพวกเขา มันก็ยังต้องไปให้ไกลกว่านั้นอีก วันข้างหน้าเราอาจได้เห็นนักเตะญี่ปุ่นเป็นตัวหลักที่ทีมอย่าง เรอัล มาดริด บาร์เซโลน่า บาเยิร์น มิวนิค ลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปขาดไม่ได้

นักเตะตัวจริงในทีมชาติชุดใหญ่คือตัวจริงของทีมใหญ่ในยุโรปทั้งหมด.. อาจจะอีกเพียงไม่กี่ปีข้างหน้าก็ได้นะครับ

จากแค่เพียงได้ไปฟุตบอลโลกก็ดีใจกันทั้งประเทศ ญี่ปุ่นพูดถึงการเป็นแชมป์โลกแล้ว และพูดมา 20 ปีแล้ว

ไม่เพียงแค่พูดเปล่าให้คนอื่นหัวเราะเยาะ พวกเขาวางมันเป็นเป้าหมายจริงจังมาตั้งแต่ปี 2005 ที่สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นประกาศโครงการ DREAM.. สู่แชมป์โลกภายในปี 2050

เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยระยะเวลา.. และพวกเขาไม่เคยหยุดเดิน

หลังเอาชนะบาห์เรน 2-0 ที่ไซตามะเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ญี่ปุ่นตีตั๋วไปฟุตบอลโลก 2026 โดยที่ยังเหลือเกมเตะอีกถึง 3 นัดจะครบโปรแกรม

ในกลุ่มที่มี 6 ทีมเตะแบบพบกันหมดเหย้า-เยือนทีมละ 10 นัดและมีคู่ต่อสู้อย่าง ออสเตรเลีย กับ ซาอุดีอาระเบีย ที่ไปฟุตบอลโลกรวมกัน 12 สมัย ญี่ปุ่นโกยแต้มแบบไม่หันมองข้างหลัง ทิ้งขาดจนไม่มีคู่แข่งทีมไหนไล่ทันตั้งแต่เกมที่ 7

ไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกันนับตั้งแต่เริ่มนับหนึ่งเมื่อปี 1998

จากหลายสิบปีของฟุตบอลที่ล้มลุกคลุกคลาน สู่การวางโครงสร้างปฏิรูปครั้งใหญ่ นับจนถึงวันนี้ญี่ปุ่นเก็บเกี่ยวดอกผลแห่งความมุ่งมั่นจริงจังของตัวเองอย่างต่อเนื่องมา 32 ปีแล้วนะครับ

เส้นทางข้างหน้าก็ยังมีแต่ความท้าทาย ด้วยเป้าหมายสุดยอดที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าลุย เพื่อพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์แห่งวงการฟุตบอล

ในศึกเวิลด์คัพครั้งล่าสุดที่กาตาร์ ญี่ปุ่นโค่นทั้งเยอรมันและสเปน..

จากทีมที่เคยตกรอบแบบไม่ได้ลุ้นตั้งแต่รอบคัดเลือกโซนเอเชียมาตลอด พวกเขามาถึงวันที่เอาชนะแชมป์โลก 2 ทีมได้ในทัวร์นาเม้นต์เดียวแล้ว

แน่นอนครับ ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายยังมีกำแพงที่ญี่ปุ่นยังข้ามไปไม่ได้อยู่.. 7 สมัยที่ผ่านมาทีมซามูไรบลูส์ยังไม่เคยผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เลย

เต็มที่ก็แค่เกือบ ยังข้ามไม่ได้สักที..

หากก็นั่นล่ะครับ เราสามารถรู้ได้โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายเลย ญี่ปุ่นจะไม่ยอมแพ้ พวกเขาจะพยายามทำมันให้ได้แน่ และเรื่องที่น่าทึ่งก็คือ กระทั่งพวกเราเอง หลายคนยังอดเชื่อลึก ๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำว่า พวกเขาจะทำมันได้ในที่สุด

ตังกุย

,

บริการ

tag:
กีฬาต่างประเทศ ข่าวกีฬา ตลาดนักเตะ ตารางบอล ตารางบอลวันนี้ ทีมชาติไทย นิวคาสเซิ่ล บอลวันนี้ บาร์เซโลน่า บาเยิร์น มิวนิค บุนเดสลีกา บ้านผลบอล ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ปีศาจแดง ผลบอล ผลบอลเมื่อคืน ผีแดง พรีเมียร์ พรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฟุตบอลต่างประเทศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยูโรปา ลีก รูเบน อโมริม ลาลีกา ลาลีกา สเปน ลิเวอร์พูล วิเคราะห์บอล สเปอร์ส หงส์แดง อาร์เซน่อล อาร์เน่อ สล็อต เชลซี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปแอสเช เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เรอัล มาดริด แมนซิตี้ แมนยู แมนยูไนเต็ด แมนฯ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โปรแกรมบอล โปรแกรมบอลวันนี้